Choose Language:

ศวาวนะ: Savasana กับตำนานพระศิวะและเจ้าแม่กาลี

Savasana

เวลาจบคลาส โดยเฉพาะคลาส Vinyasa หรือ Power พอครูบอกศวาสนะหรือพักศพได้ มักจะได้ยินเสียงโล่งอกโล่งใจตามมา แล้วก็มีหลายๆ คนบอกว่าชอบท่านี้ที่สุด ครูเลยหาเรื่องเล่าเกี่ยวกับท่าโปรดของทุกคนมาเล่าให้ฟังกัน

“ศวาสนะ” (Savasana) หรือท่าศพ เป็นชื่อท่าโยคะที่มีที่มาจากชื่อของพระศิวะ แน่นอนว่าเรื่องที่จะเล่าต้องเกี่ยวกับพระองค์แน่นอนเลย… ทำไม ศิวะ ถึงเป็น ศว (ศพ) ไปได้?

Name:
Sava = ศว =  Corpse/Dead Body
Asana = ท่า
= Pose


ตำนานพระศิวะและเจ้าแม่กาลี

ครั้งหนึ่งมีมหาปีศาจที่ชื่อว่า “ทารกะ” (อาจออกเสียงแบบอื่น) โผล่มาสร้างความปั่นป่วนในโลกเทพ เจ้านี่เป็นปีศาจที่แข็งแกร่งมากใครก็เอาไม่ลง ยกเว้นแต่ “บุตรของพระศิวะ” หนึ่งเดียวเท่านั้น…

แต่…ช่วงเวลานั้นพระศิวะยังโสดค่ะ แถมถือพรหมหจรรย์และสันโดษ ไม่มีวี่แววจะมีลูกได้เลย พระอินทร์กับเทพอื่นๆ เกือบจนปัญญา แต่ได้วางแผนส่งพ่อสื่อพ่อชักนามว่า “กามเทพ” ไปแผลงศร ทำให้พระศิวะรักกับ “พระนางปารวตี” ให้ได้

กามเทพปฏิบัติภารกิจสำเร็จ พระศิวะก็หลงรักพระนางปารวตีตามแผน แต่ตอนที่พระองค์กำลังอยู่ในห้วงคลั่งรัก ก็ได้สติว่านี่เป็นผลจากกลของศรกามเทพ ถือเป็นมารที่มาขัดขวางการถือศลี แล้วจู่ๆ พลังโกรธก็ทำให้ตาที่สามเปิด! เปิดทีไรไฟล้างผลาญก็มาทุกทีค่ะ แผดเผาจนกามเทพตุยทันที

ความรักทำงานต่อไปค่ะ มนตร์รักเอยไม่ได้คลายไปไหน แม้กามเทพกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ในที่สุดเทพทั้งสองก็ได้เป็นคู่รักกันในที่สุด 

แต่กามเทพถือว่าเป็นผู้นำความรักความปรารถนามาให้แก่สรรพสิ่ง ถ้าไม่มีกามเทพ สิ่งมีชีวิตต่างๆ ก็จะโดดเดี่ยว ไม่สามารถแพร่พันธ์ุได้อีกต่อไป เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและล้มหายตายจากไปในที่สุด พระนางปารวตีจึงหารือกับพระศิวะเรื่องนี้

พระศิวะฟังแล้วก็เอ่ยว่า ถ้าอย่างนั้นก็จะคืนชีวิตให้กามเทพ เพราะสัตว์โลกยังต้องมีความปรารถนา (กาม) ต่อไป ยกเว้นแต่พระองค์เองที่จะกลับไปถือศีลเช่นเดิม พระนางปราวตีฟังก็คงหมั่นไส้ค่ะ ถามว่าแน่รึ คำตอบคือแน่สิ จิตของพระองค์อยู่เหนือความปรารถนาทางโลก

เท่านั้นแหละ ผิวของพระนางปารวตีก็เริ่มเปลี่ยนสี ความมืดมิดแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งจักรวาล ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าพลังหญิง ตอนนี้พระนางโกรธจนกลายเป็น “เจ้าแม่กาลี” ไปแล้ว! แม้เป็นพระศิวะก็กลัวร่างนี้ ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลงไปนอนสงบนิ่งเหมือนศพ เจ้าแม่กาลีกล่าวดังๆ เพื่อเตือนสติพระศิวะให้ยอมรับถึงการมีอยู่ของความปรารถนา

กล่าวสรุปๆ ได้ว่า พลังของเจ้าแม่กาลีคือ พลังแห่งการกำเนิดเพื่อขับเคลื่อนจักรวาล หากไม่มีพระนาง จักรวาล (สรรพสิ่งต่างๆ) ก็จะไม่มีอยู่ พระนางคือความปรารถนา และถ้าขาดพระนางทุกอย่างจะหยุดนิ่ง… นิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหวเหมือนที่พระศิวะนอนอยู่ เพราะทุกๆ การกระทำของคนเราก็เกิดจากความปรารถนาทั้งนั้น แม้แต่การนั่งสมาธิของพระศิวะเองก็เกิดจากความปรารถนาจะถือศีล ฉะนั้นพระศิวะจะไม่มีพระแม่กาลีไม่ได้ เหมือนจะบอกว่าไม่มีฉันไม่มีเธออย่างไรอย่างนั้น

นอกจากพระศิวะจะได้ตระหนักรู้ถึงความสัมพันธ์ของพลังของเจ้าแม่กาลีกับความปรารถนาแล้ว จากการที่พระองค์อยู่ในท่าสงบนิ่งนั้นจึงมองเห็นแจ้งว่าสรรพสิ่งมีวัฏจักรเช่นไร หากปราศจากเจ้าแม่กาลี พระองค์เองก็ไม่ได้เป็น “ศิวะ” เป็นได้เพียง “ศวะ” ที่แปลว่าศพ (ที่มาของชื่อท่า) เท่านั้น

นี่คือที่มาของตำนานค่ะ ส่วนเรื่องนี้สอนให้เรารู้อะไร…?

เมื่อเราอยู่ในศวาสนะ ทั้งกายใจควรสงบนิ่ง พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นและยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ซึ่งการฝึกนี้สามารถนำมาประยุกต์ในชีวิตประจำวันของเราได้เมื่อเจอกับความวุ่นวายต่างๆ…นิ่งสยบความเคลื่อนไหว นิ่งเพื่อวิเคราะห์ นิ่งเพื่อเจอวิธีแก้ปัญหา หรือนิ่งเพื่อปลง

การนอนพักศพเหมือนจะง่ายจนเป็นท่าโปรดของหลายๆ คน แต่ความเป็นจริงแล้วเราไม่ได้นอนหลับตานิ่งๆ นะคะ แต่เป็นการฝึกจิตด้วยประการทั้งปวงอย่างที่เล่าให้ฟัง เพราะอย่างนั้นความจริงแล้วจึงเป็นท่าโยคะที่ฝึกยากท่าหนึ่งเลยทีเดียว

…สุดท้ายแล้ว พระศิวะจะมีบุตรมั้ย บุตรของพจะปราบปีศาจทารกะได้รึเปล่านั้น… ใครทราบบอกครูด้วยนะคะ

ขอให้มีความสุขกับการฝึกโยคะค่ะ
ครูอร – Yoga with Orn


ที่มา:
The Stories Behind the Poses

บทความอื่นๆ